วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวอิตาลี | รถไฟอิตาลี

เที่ยวอิตาลี | รถไฟอิตาลี

        รู้หรือเปล่า ปัจจุบันอิตาลีมีทางรถไฟ 16,000 กิโลเมตร เป็นกิจการของรัฐเมื่อปี 1905 ในชื่อ Trenitalia บริหารงานโดย Ferrovie dello Staio จึงมีช่อย่อว่า FS แต่ยังมีเส้นทางย่อยราว 20 เส้นทางที่ดำเนินการโดยเอกชน บัตรโดยสาร Italy Rail Pass ไม่สามารถใช้ได้ แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะ FS มีเส้นทางรถไฟวิ่งไปในเมืองหลักๆทั่วประเทศอยู่แล้ว


ต่อไปนี้เป็นรถไฟแบบต่างๆ ของการรถไฟอิตาลีที่เราจะได้ใช้เดินทางท่องเที่ยวในอิตาลี
        1.ยูโรสตาร์อิตาเลีย (Eurostar Italia : ESI) รถไฟความเร็วสูงสีแดงคาดสีเทา ที่มีรูปร่างเพรียว ทันสมัยและหรูหราที่สุด
          - Frecciarossa วิ่งเร็วที่สุดที่ความเร็ว 360 กิโลเมตร/ชั่วโมง เชื่อมเมืองต่างเข้าด้วยกันตั้งแต่เหนือจรดใต้ เริ่มจากเมืองตูริน-มิลาน-โบโลญญา-ฟลอเรนซ์-โรม-เนเปิลส์และชาร์แลร์โน ขบวนที่เร็วที่สุดวิ่งจากมิลานถึงโรมระยะทาง 580 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
          - Frecclargento วิ่งเร็ว 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เชื่อมกรุงโรมสู่เวนิช-เวโรนา ในเส้นทางสายเหนือ และโรมสู่ Bari/Lacce-Lamezia/Reggi Calabria ในเส้นทางมุ่งลงสู่ใต้
          - Frecclabianca วิ่งด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มต้นวิ่งจากมิลานสู่เวนิซ-Udine, มิลาน-เจนัว-โรม แลพโรม-Bari/Lacce
          - La Frecce เป็นรถไฟที่วิ่งออกจากโรมวิ่งตรงสู่เมืองต่างๆ ที่ไม่ไกลมากนัก อาทิ Perugia,Foligno , Ancona , Potenza เป็นต้น
        2.รถไฟระหว่างเมือง (Intercity : IC) เป็นรถไฟวิ่งเชื่อมเมืองต่างๆ เข้าด้วยกัน นอกจากเส้นทางสายหลักที่รถไฟยุโรสตาร์อิตาเลียวิ่งอยู่ หรือบางทีก็วิ่งทับเส้นทางกัน แต่ใช้รางแยกกันและจอดตามสถานีรายทางในเมืองเล็กๆด้วย เช่น
        - Turin-Genoa-Rome
        - Milan-Genoa-Ventimiglia
        - Rome-Naples-Reggio Calabria-Sicily
        - Rome-Bari/Tarento
        - Milan/Venice/Triste-Bologna-Florence-Rome-Naples
        - Milan/Venice/Bolzano-Bologna-Ancona-Pescara-Bari-Lecca
        รถไฟ Intercity บางขบวนจำเป็นต้องสำรองที่นั่ง ซึ่งทราบได้จสกตารางเดินรถที่มีตัว R กำกับไว้ บางขบวนก็ไม่จำเป็น ผู้ถือบัตร Rail Pass สามารถเลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัย
        3.รถไฟท้องถิ่น (Regionale : Reg) มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น เอสเปรสโซ เรจาเนโร ดีเร็ตโตหรืออินเตอร์เนโจนาเล วิ่งให้บริการเพื่อเชื่อมเมืองใหญ่กับเมืองเล็กในท้องถิ่นนั้นๆ ส่วนใหญ่จอดตามสถานีรายทาง ผู้ถือบัตร Rail Pass ไม่จำเป็นต้องสำรองที่นั่ง
        4.รถไฟกลางคืนหรือรถนอน (Night Train) ในอิตาลีมีขบวนรถนอนวิ่งให้บริการหลายเส้นทาง ส่วนใหญ่เชื่อมเมืองทางเหนือและทางใต้ ซึ่งใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน ผู้ถือบัตร Rail Pass หากต้องการใช้บริการจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มแตกต่างกันในแต่ละเส้นทาง
        5.รถไฟระหว่างประเทศ (Internation Trains) รถไฟอิตาลีที่วิ่งจากเมืองต่างๆในอิตาลีสู่เมืองอื่นของประเทศต่างๆ ในยุโรป ตือ รถไฟ Cisalpino มีเส้นทางที่วิ่งจากฟลอเรนซ์/โบโลญญา/เจนัว/มิลาน สู่เจนีวา/บาเซิล/เบิร์น/ซูริคและลูเซิร์นในสวิตเซอร์แลนด์, สตุตการ์ทในเยอรมัน นอกจากนี้ยังมีรถไฟของประเทศอื่นวิ่งเข้ามาในอิตาลีด้วย เช่น รถไฟ TGV ของฝรั่งเศสวื่งระหว่างมิลาน-ปารีส

รู้จักอิตาลี

เตรียมตัวเที่ยวอิตาลี

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เตรียมตัวเที่ยวอิตาลี

เตรียมตัวเที่ยวอิตาลี
        สวัสดีค่ะ มาเตรียมตัวไปเที่ยวอิตาลีกัน ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับฤดูกาลและช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวอิตาลีกันค่ะ ตาม Premiumworldtour มาดูกันจ้า ..


ฤดูกาลและช่วงเวลาที่น่าท่องเที่ยว
            อิตาลีมีฤดูกาล 4 ฤดูคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
            ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่ค่อนลงมาทางด้านล่างของทวีปยุโรป และมีทะเลล้อมรอบในฤดูหนาวอากาศจึงไม่หนาวเย็นมากนัก ยกเว้นทางเหนือในเทือกเขาแอลป์ที่มีฤดูหนาวที่ยาวนานและมีหิมะตกหนักมากพอที่จะเล่นหิมะได้ ทำให้เมืองดูรินได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวเมื่อปี 2006
            ในฤดูร้อน ราวเดือนสิงหาคมอากาศจะร้อนอบอ้าว บางปีมีคลื่นความร้อนเข้าทำให้ร้อนตับแตก ชาวเมืองจึงหนีออกไปเที่ยวตามเมืองตากอากาศริมชายฝั่งทะเล ถือเป็นช่วงพักร้อนของคนอิตาลี หากจะไปเที่ยวช่วงนี้ควรคิดให้ดี เพราะต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนแบะผู้คนที่เดินทางหนีร้อน
            ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวในอิตาลีก็คือฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนมิถุนายน และฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในอากาศช่วงนี้กำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป และอากาศก็แจ่มใส แม้บางครั้งอาจจะมีฝนตกบ้างเป็นบางคราวตามธรรมชาติ
            แม้ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นฤดูท่องเที่ยวของอิตาลี นักท่องเที่ยวจะมากหน่อยแต่ก็คุ้มค่าน่าไป บางครั้งอาจต้องเข้าคิวซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆค่อนข้างนาน หากเราจะวางแผนเสียแต่เนิ่นๆ ทั้งการหาตั๋วเครื่องบิน จองที่พักและการเลือกเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวถูกเวลา ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปด้วยความราบรื่น อีกทั้งเวลาในช่วงกลางวันก็ยาวนาน (สว่างราวตีห้าค่ำราว 3 ทุ่ม) ก็ทำให้สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศในช่วงเช้าและเย็นค่อนข้างหนาว เผื่อเสื้อแจ็คเก็ตติดตัวไปด้วยก็ดีไม่น้อย
            แต่ข้อดีของการไปเที่ยวอิตาลีในช่วงฤดูหนาว ก็จะสะดวกในการหาที่พัก อีกทั้งราคาก็ถูก นักท่องเที่ยวก็น้อยไม่ต้องเบียดเสียดแย่งกันดู แต่ข้อดีก็คือช่วงเวลากลางวันสั้น เที่ยวได้ไม่กี่แห่งก็ค่ำมืดแล้ว อีกทั้งอากาศก็หนาวเย็นทำให้อยากกลับที่พักไวๆ

ไฟฟ้า
            ในอิตาลีใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลด์เหมือนกับในประเทศไทย แต่ปลั๊กส่วนใหญ่เป็นแบบขากลม 2 ขา บางทีมี 3 รูเรียงกัน แต่สายไฟแบบ 2 ขากลมก็เสียบใช้งานได้เลย หากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำไปไม่มีขาเสียบดังกล่าวก็ให้หาหัวแปลงปลั๊กไฟด้วยก็จะใช้การได้

น้ำดื่ม
            น้ำประปาจากก็อกถือว่าสะอาดมากพอที่จะใช้ดื่มได้ แต่ถ้าซื้อน้ำบรรจุขวดขนาดเล็ก ก็จะตกขวดละ 1-2 ยูโร ทางที่ดีให้ซื้อขวดใหญ่ซึ่งแพงกว่าเล็กน้อย แล้วกรอกใส่ขวดขนาดเล็กติดตัวไปขณะท่องเที่ยว หากหมดก็สามารถเติมได้จากน้ำพุที่พบเห็นได้ในเมืองต่างๆ หากไม่มีป้ายห้ามนั่นแสดงว่าดื่มได้ และคนอิตาลีรวมทั้งนักท่องเที่ยวก็มักจะดื่มจากบ่อน้ำพุให้เห็นทั่วไป ทำให้ประหยัดค่าซื้อน้ำดื่มไปได้มากทีเดียว ซึ่งน้ำพุเหล่านี้ก็มาจากท่อประปาของเมืองนั่นเอง


เงินทองต้องรู้
            อิตาลีเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโรแทนเงินลีร์เมื่อปี 2002 เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป
            แนะนำให้แลกเงินยูโรจากธนาคารในประเทศไทยก่อนเดินทางสู่อิตาลี หรือประเทศอื่นๆในยุโรป เพราะจะได้อัตราที่ดีกว่าไปแลกอิตาลี ซึ่งมักจะมีค่าธรรมเนียม (อะไรๆก็มีค่าบริการ) สะดวกที่สุดคือไปแลกที่สนามบินก่อนเดินทาง แลกเผื่อไว้ให้ถึงเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่คิดว่าจะใช้ต่ายด้วยเงินสด เช่น ค่าอาหาร น้ำดื่ม ค่าโดยสารหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ส่วนค่าที่พักหรือจะใช้เงินก้อนโต สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตดืทั้งบัตร Visa Master Card หรือ America Express
            ส่วนบัตร ATM ที่มีเครื่องหมาย Plus หรือ Cirrus ก็สามารถนำไปกดเงินสดจากเครื่อง ATM ที่อิตาลีได้ โดยมีค่าบริการประมาณ 100 บาทต่อครั้ง



ติดตามเราได้ที่ 
Facebook Page : Premium World Tour

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

มารู้จัก 'อิตาลี' กัน ..

รู้จักอิตาลี
สวัสดีค่ะ วันนี้ Premiumworldtour จะพามาทำความรู้จักกับอิตาลี ตามมาดูกันจ้า :)



               เมื่อดูจากแผนที่ แผ่นดินอิตาลีจะยื่นออกมาเป็นติ่งจากทวีปยุโรป ลักษณะคล้ายรองเท้าบู๊ตกำลังจะเตะเกาะชิชิลีให้กระเด็นออกไป ภูมิประเทศภาคเหนือก็มีเทือกเขาแอลป์ทอดขวางเป็นเส้นแบ่งเขตแดนกับฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย โดยมีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนขนานอยู่ทั้งสามด้านที่เหลือ ทำให้อิตาลีมีชัยภูมิที่เหมาะสมในการรับเอาอารยธรรมจากผู้ตั้งถิ่นฐานจากยุคต้นที่มาทางเรือ โดยเฉพาะพวกกรีกที่ถือเป็นต้นกำเนิดอารยธรรมโรมันขึ้นบนโลก ขณะเดียวกันก็ทำให้ถูกรุกรานจากชนเผ่าต่างๆ ที่แย่งกันครอบครองแผ่นดินแห่งนี้ อิตาลีจึงกลายเป็นอู่อารยธรรมลำดับต้นๆของโลกไปในที่สุด แต่ก็มีประวัติศาสตร์ที่ยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยสงครามแย่งดินแดน กว่าจะรวมชาติเป็นอิตาลีได้ในปัจจุบันก็ใช้เวลานานกว่าสองพันปี

             อิตาลี มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอิตาลี (Republic of Italy) หรือในภาษาพื้นเมืองเขียนว่า Repubblica Italiana รวมชาติสเร็จและสถาปนาประเทศขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1871 โดยมีกรุงโรมเป็นเมืองหลวง มีพื้นที่บนคาบสมุทรราว 250,000 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่บนเกาะชิชิลีกับเกาะซาติเนียอีกราว 20,000 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 60 ล้านคน ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 95) นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค

         อิตาลีมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข อยู่ในตำแหน่งคราวละ 7 ปี โดยมาจากการเลือกตั้งของรัฐสภา (ซึ่งมี 2 สภาคือ วุฒิสภาหรือสภาเซเน็ตกับสภาผู้แทนราษฎร) ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศตามคำเสนอของนายกรัฐมนตรี


ติดตามเราได้ที่ 
Facebook Page : Premium World Tour